บทสรุป 4 ทีมดังจากพรีเมียร์ลีกใน อังกฤษ “ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก” รอบ 16 หงส์จะซี๊ดผีจะโอดโอย!!
หลังจากทราบผลจับสลากประกบคู่ศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบน็อกเอาท์ 16 ทีมสุดท้ายกันไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ดังนั้นวันนี้เราจะลองมาดู 4 ตัวแทนจาก พรีเมียร์ ลีก อังกฤษ ที่เข้ารอบกันมาแบบพร้อมหน้าพร้อมตานั้น เราจะพามาดูวิบากกรรมของแต่ละทีมสาหัสสากรรจ์แค่ไหน เริ่มต้นที่ทีม เรือใบสีฟ้า แมน ซิตี้ ที่ดูแล้วว่าน่าจะเจองานเบาที่สุด
แมนเชสเตอร์ ซิตี้ VS ชาลเก้ 04
แน่นอนทุกคนมองว่า แมนฯซิตี้ โชคดีที่เจองานเบาที่สุดในรอบ 16 ทีมสุดท้ายเมื่้อเทียบกับอีก 3 ทีมที่เหลือที่มาจากเกาะอังกฤษด้วยกัน เพราะสถานการณ์ของ ชาลเก้ 04 ในเวที บุนเดสลีกา เยอรมัน แพ้ไปแล้ว 11 จาก 21 นัดรั้งที่ 13 ของลีกว่ากันว่า ชาลเก้ เข้ารอบน็อกเอาท์มาได้ เพราะอยู่กลุ่มอ่อนที่สุด
ขณะที่ทีม “เรือใบสีฟ้า” ของ เปป กวาร์ดิโอลา หากจะพูดถึงฟอร์มการเล่นตอนนี้คงไม่ต้องพูดอะไรมาก หากให้พูดเป็นภาษาวัยรุ่นที่เข้าใจง่ายๆคือ “สะเด่าไปเลยไอ่น้อง”
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด VS ปารีส แซงต์-แชร์กแมง
เป็นอีกเกมที่ถือว่าเป็นงานหินของปีศาจแดง “แมนฯยูไนเต็ด” ถึงแม้ว่าตอนนี้จะอยู่ในช่วงเวลาที่ดีที่สุดของพวกเขาเพราะใน พรีเมียร์ ลีกพวกเขาสามารถกระโดดขึ้นมารั้งที่ 4 ของตารางได้สำเร็จด้วยสถิติที่สวยหรูภายใต้การคุมทีมของ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา
การพบกับ ปารีส แซงต์-แชร์กแมง จ่าฝูงของ ลีก เอิง ที่มีฟอร์มการเล่นสุดโหดมีเกมรุกกระซวกไส้นำโดย 3 ตัวรุกระดับพระกาฬอย่าง เนย์มาร์, เอดินสัน คาวานี่ และ คีเลียน เอ็มบัปเป้ ดังนั้นอยู่ที่ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา นายใหญ่ “ปีศาจแดง” จะเปิดตำราบทไหนมารับมือ
ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ VS โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์
สเปอร์ส พบ ดอร์ทมุนด์ ถือว่าเป็นเกมที่พอฟัดพอเหวี่ยงกันได้ เพราะว่าทั้งสเปอร์ส์และดอร์ทมุนด์ เป็นทีมที่เน้นเกมรุกทั้งคู่ หากมองสถิติย้อนไปเมื่อปีที่แล้วทั้งคู่พบกันในรอบแบ่งกลุ่ม “สเปอร์ส” ทำได้ดีกว่าโดยการเปิดบ้านชนะไปก่อน 3-1 ก่อนที่จะบุกย้ำแค้นถึงถิ่นของ ”เสือเหลือง” โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ อีกครั้งด้วยสกอร์ 2-1
แน่นอนว่าพบเจอกันในปีนี้รูปโฉมของ “เสือเหลือง” ก็เปลี่ยนไป ขณะที่ทีมอังกฤษยังไม่เปรี้ยงเหมือนปีที่ผ่านๆ มา ดังนั้นถือเป็นคู่ที่เบียดกันสนุกแน่นอน
ลิเวอร์พูล VS บาเยิร์น มิวนิค
ปิดท้ายที่คู่เอกประจำรายการ คู่ที่พบกันเมื่อไหร่การันตีความมันส์ระดับ 10 ตีนถีบแน่นอนเพราะนี้เป็นการปะทะกันของอดีตแชมป์ 5 สมัยด้วยกันทั้งคู่ แต่ตอนนี้ถ้าพูดกันแบบตรงๆโมเมนตัม..ณ.ตอนนี้ต้องยกให้ ลิเวอร์พูล จ่าฝูง พรีเมียร์ ลีก อังกฤษ ภายใต้การคุมทีมของ เจอร์เกน คล็อปป์
จุดเด่นของลิเวอร์พูล อยู่ที่เกมรุกที่สุดแสนจะดุดัน ตรงกันข้ามกับ บาเยิร์น ที่ดูจะดร็อปลงไป หลังเปลี่ยนถ่ายสู่ยุคกุนซืออย่าง นิโก้ โควัก รั้งอันดับ 2 ใน บุนเดสลีกา เยอรมัน นักเตะของ “เสือใต้” หลายต่อหลายคนก็เริ่มโรยราคล้ายๆ กับทีมชาติเยอรมนีที่ตกลงไปในช่วงที่ผ่านมา
ดูแล้วน่าเป็นลิเวอร์พูลที่มีภาษีดีกว่าด้วยพละกำลังของนักเตะ และเทคนิคของกุนซืออย่าลืมนะครับว่า เจอร์เกน คล็อปป์ นายใหญ่ “หงส์แดง” ก็เคยคุม ดอร์ทมุนด์ ปะทะกับ บาเยิร์น มิวนิค มาแล้ว